24 สิงหาคม 2559

konlike

สำรวจสายพันธุ์ “ไก่เหลืองหางขาว” ของศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ กบินทร์บุรี



โครงการอนุรักษ์และพัฒนาการผลิตไก่พื้นเมือง ที่มีกรมปศุสัตว์เป็นแม่งาน มีจุดมุ่งหมายเพื่อสำรวจสายพันธุ์ไก่พื้นเมืองที่เกษตรกรเลี้ยงในแต่ละท้องถิ่นที่มีอยู่เป็นจำนวนมากทั่วประเทศ และสืบค้น รวบรวมภูมิปัญญา เกี่ยวกับการเลี้ยงไก่พื้นเมืองของเกษตรกรในแต่ละพื้นที่ รวมทั้งพัฒนาองค์ความรู้ในการเลี้ยง การผลิตให้ถูกหลัก วิชาการ และควบคุมโรคระบาด


ทั้งนี้ มีการประเมินเบื้องต้นว่าไก่พื้นเมืองจำนวน 4 สายพันธุ์ ได้แก่ ประดู่หางดำ ไก่ชี ไก่แดง และไก่เหลืองหางขาว มีศักยภาพในการส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยง เพื่อเป็นการสร้างรายได้ให้เกษตรกร พร้อมกับมอบหมายภารกิจให้ศูนย์วิจัยเชียงใหม่ ดูแลรับผิดชอบไก่ประดู่หางดำ, ศูนย์วิจัยท่าพระขอนแก่น ดูแลรับผิดชอบไก่ชี, ศูนย์วิจัยสุราษฎร์ธานี ดูแลรับผิดชอบไก่แดง และศูนย์วิจัยกบินทร์บุรี ดูแลรับผิดชอบไก่เหลืองหางขาว

คุณธีระชัย ช่อไม้ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและบำรุงพันธุ์สัตว์ กบินทร์บุรี กล่าวว่า โครงการงานปรับปรุงพันธุ์ไก่เหลืองขาวได้ทำกันมาตลอดต่อเนื่องจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 14 ปี โดยในช่วง 5 ปีแรก เป็นความร่วมมือและได้รับการสนับสนุนจากทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.)

จากแผนงานจะเริ่มต้นด้วยการออกสำรวจพื้นที่ทุกแห่งเพื่อค้นหาพันธุกรรม ทั้งนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายที่ต้องการแค่จะค้นพบสายพันธุ์ไก่เหลืองหางขาวที่แท้จริง แต่ควรมีการเก็บพันธุกรรมที่ดีไว้เป็นข้อมูลในคราวเดียวกันด้วย



จากนั้นจึงไปหาซื้อพันธุ์ไก่มาจากทุกแหล่งในประเทศ แล้วนำมาเลี้ยงแยกกลุ่ม มีการทำรหัส เลข และสี เพื่อระบุที่มาและประวัติไก่ทุกตัว ทั้งยังมีการบันทึกข้อมูลลำดับขั้นตอนการเจริญเติบโตตั้งแต่ในช่วงเป็นไข่จนกระทั่งโตเต็มวัยว่าเป็นไก่ตัวไหนเพื่อจะได้สืบค้นได้ถูก

สำหรับฝูงไก่ที่กำหนดไว้ในโครงการมีจำนวนทั้งสิ้นกว่า 400 ตัว ซึ่งประกอบด้วย แม่พันธุ์จำนวน 350 ตัว พ่อพันธุ์จำนวน 70-80 ตัว จากนั้นจึงให้มีการผสมพันธุ์ จนเมื่อได้ลูกไก่ออกมา พบว่ามีหลากหลายสีมาก จึงต้องจัดการคัดแยกลูกไก่ที่ดูแล้วมีลักษณะใกล้เคียงออกมาไว้ต่างหาก และต้องทำตามขั้นตอนเช่นนี้ทุกปี โดยจะต้องคัดเลือกให้ตรงตามคุณลักษณะเด่นของสายพันธุ์พื้นเมืองเหลืองหางขาว ไม่ว่าจะเป็นที่ปาก แข้ง รวมถึงสร้อยต้องมีสีเหลืองและหางมีสีขาว

ดังนั้น จึงต้องเลี้ยงด้วยกรงตับ แล้วเมื่อได้ไข่จะทำเครื่องหมายไว้ทุกใบ เพื่อต้องการจับคู่แม่-ลูกให้ถูกต้อง จะต้องมีการคัดแยกในทุกระยะ ทุกขั้นตอนของการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นระยะฟัก ระยะอนุบาล ระยะเล็ก ระยะรุ่น และระยะพ่อ-แม่พันธุ์ ทั้งนี้ เพื่อดูพัฒนาการความเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายตลอดเวลา จึงต้องหมั่นสังเกตแล้วคัดแยกไก่ที่มีลักษณะถูกต้องไว้

นอกจากการคัดเลือกตัวไก่แล้ว ขณะเดียวกัน ต้องมีการเก็บข้อมูลเรื่องไข่ของไก่พื้นเมืองด้วย เพื่อนำมาศึกษาว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร มีความเหมือนหรือแตกต่างจากไก่ไข่ทั่วไปอย่างไร แล้วผลจากการเก็บข้อมูลไข่พบว่าไก่เหลืองหางขาวมีสีเปลือกตั้งแต่เป็นสีครีม สีขาว และน้ำตาลอ่อน ซึ่งแตกต่างจากไข่ไก่ที่วางขายเนื่องจากมีสีน้ำตาลเข้ม ดังนั้น ถ้าไปเดินตามตลาดที่มีชาวบ้านนำไข่มาวางขายแล้วพบว่าไข่ไก่สีอ่อนขาวนวล แสดงว่าเป็นไข่ของไก่พื้นเมือง

ผอ. ศูนย์วิจัย เผยว่า ควรให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์พันธุ์ไก่พื้นเมืองทั้งที่อยู่ในถิ่นและนอกถิ่น (อนุรักษ์ในถิ่นหมายถึง การนำไปให้ชาวบ้านเลี้ยงแบบธรรมชาติ เพื่อให้ชาวบ้านช่วยกันอนุรักษ์ ส่วนการอนุรักษ์นอกถิ่นหมายถึง ความรับผิดชอบของศูนย์วิจัยที่ต้องดูแลและอนุรักษ์ไก่ไว้)

สำหรับชาวบ้านนำไก่เหลืองหางขาวไปใช้ประโยชน์คือ กลุ่มที่ต้องการเลี้ยงเพื่อใช้เป็นอาหาร หรือขายเป็นไก่บ้าน อีกกลุ่มเลี้ยงเพื่อใช้เป็นไก่สวยงาม มีการแยกเพศแล้วส่งประกวด โดยกลุ่มนี้ต้องการให้ไก่มีขนาดใหญ่สมบูรณ์ กลุ่มต่อมาเลี้ยงเพื่อการแข่งขัน อาจไม่เน้นสีสันเท่าไร แต่ขอให้มีคุณสมบัติเด่นในการตี โดยกลุ่มนี้นิยมไก่ที่มีขนาดไม่เกิน 3 กิโลกรัม

“นอกจากนั้นแล้ว ยังมีความต้องการจากสถาบันการศึกษาเพื่อนำไปใช้ในงานศึกษาวิจัยเรียนรู้ ถึงแม้ความต้องการไก่ของกลุ่มนี้จะมีเพียงเล็กน้อย แต่เมื่อเทียบกับผลพลอยได้ที่เกิดขึ้นจากการนำไปใช้ต่อยอดเพาะ-ขยายเป็นไก่ลูกผสมพื้นเมืองเพื่อนำไปใช้ในเชิงพาณิชย์แล้ว เห็นว่าจะสร้างคุณประโยชน์มากมาย”

ภายหลังจากการอนุรักษ์นอกถิ่นเสร็จแล้วจะต้องนำไก่พื้นเมืองกลับไปให้ชาวบ้านเลี้ยงแบบอนุรักษ์ในถิ่น เพราะโดยแท้จริงแล้วไก่จะต้องกลับไปใช้ชีวิตตามธรรมชาติ จะต้องหากินเอง ผสมพันธุ์กันแล้วฟักไข่เอง จึงจะเป็นไก่พื้นเมืองที่แท้จริง

สำหรับการผลิตพ่อ-แม่พันธุ์เพื่อจำหน่าย คุณธีระชัย บอกว่า ที่ศูนย์มีการเพาะ-เลี้ยงลูกไก่ตลอดเวลา ในแต่ละสัปดาห์จะขายลูกไก่ออกไปประมาณ 300-400 ตัว อายุไก่ที่ขายเป็นลูกไก่ที่มีอายุประมาณ 1 สัปดาห์ ราคาขายตัวละ 15 บาท เป็นการขายเหมารวมเพศ

“ที่ผ่านมาพบว่ามีความต้องการมากเพราะยอดการสั่งจองมีเข้ามามากถึง 5,000-6,000 ตัว จนต้องมีการระงับการจองในบางคราวเพื่อให้สามารถเพาะลูกไก่ได้ทันเวลา โดยลูกค้าจะได้ไม่ต้องรอนาน และในบรรดาความต้องการเลี้ยงมีกลุ่มที่เป็นชาวบ้านนำไปเลี้ยงเพื่อเป็นไก่พื้นเมืองจำนวนมากกว่ากลุ่มอื่น”

ผอ. ศูนย์วิจัย แนะนำวิธีเลี้ยงไก่พื้นเมืองแบบถูกต้องและประหยัดว่า ควรมีการกำหนดพื้นที่เลี้ยงให้สอดคล้องกับโรงเรือน ทั้งนี้ มีการสำรวจออกแบบสถานที่สำหรับเลี้ยงไก่พื้นเมืองว่าควรมีพื้นที่ด้านนอกประมาณ 6 คูณ 6 เมตร เฉพาะโรงเรือนมีขนาด 2.50 คูณ 2.50 เมตร สามารถเลี้ยงไก่ได้จำนวน 15-20 ตัว โดยมีราคาคอกไก่และโรงเรือนประมาณ 8,500-9,000 บาท อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เกิดความประหยัดควรใช้วัสดุก่อสร้างที่หาได้ในท้องถิ่น



อีกกิจกรรมหนึ่งที่ทางศูนย์วิจัยกบินทร์บุรีทำอยู่คือ การเลี้ยงไข่ไก่แบบอิสระ เนื่องจากเป็นการช่วยในเรื่องการลดต้นทุน เพราะที่ผ่านมาการเลี้ยงในกรง หรือในคอก พบว่ามีต้นทุนสูง แต่ในรูปแบบการเลี้ยงอิสระนี้จะปล่อยให้ไก่ออกหาอาหารตามธรรมชาติในบริเวณพื้นที่จำกัด ซึ่งไก่สามารถหาอาหารตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นพืช/แมลง ครั้นเมื่อถึงเวลาให้อาหารตามปกติพบว่าไก่กินอาหารที่เตรียมไว้ให้น้อยลงจากเดิมที่เคยกินปริมาณ 120 กรัม ต่อตัว ต่อวัน จะเหลือเพียง 70-75 กรัม ต่อตัว ต่อวัน

โดยวิธีการตามแนวทางนี้คือ เมื่อถึงเวลาการให้อาหารในช่วงเช้าจะยกถังอาหารให้สูงขึ้น แล้วปล่อยไก่ออกมาจากโรงเรือนเพื่อให้ออกไปหากินอาหารตามธรรมชาติ และควรเป็นพื้นที่มีร่มเงาจากต้นไม้ใหญ่-เล็ก แต่ไม่ควรปล่อยโล่ง จนกระทั่งตอนบ่ายให้นำถังอาหารลงพื้นตามปกติแล้วจึงต้อนไก่เข้าโรงเรือน เพื่อให้ไก่กินอาหารที่เตรียมไว้ ซึ่งจะพบว่าอาหารที่เคยให้ตามปกติจะเหลือจากเดิมเพิ่มมากขึ้น

ไก่ที่เลี้ยงเป็นพันธุ์โรสไอแลนด์เรด ไก่พันธุ์นี้จะเริ่มไข่เมื่ออายุ 22 สัปดาห์ โดยจะสามารถให้ไข่ได้ประมาณ 1 ปี คุณธีระชัย เผยว่า คุณภาพไข่ที่ได้อยู่ในเกณฑ์ตามปกติ และน้ำหนักไก่โดยเฉลี่ยประมาณ 1.8-2 กิโลกรัม แต่ให้สังเกตว่าลักษณะโดยรวม ไก่จะมีความสมบูรณ์ มีสีขนเรียบมัน เนื่องจากไก่มีความสุข

แล้วยังชี้ว่า ความสามารถในการให้ไข่คงจะเทียบกับธุรกิจเอกชนไม่ได้ แต่อาจจะมีศักยภาพในการให้ไข่ได้ประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ากลับไปมองในเรื่องต้นทุนแล้วกลับช่วยลดต้นทุนได้มากกว่าซึ่งถือเป็นเรื่องดี ดังนั้น แนวทางนี้จึงเหมาะกับชาวบ้าน

“ผลที่เกิดขึ้นจากโครงการนี้ จะเป็นการยืนยันให้กับสังคมได้รับรู้อย่างแท้จริงว่า ไก่พื้นเมืองเหลืองหางขาวของแท้นั้นมีตัวตนจริง สามารถทำให้คนรุ่นหลังได้รู้จักและเห็นของจริงด้วย นอกจากนั้น ยังสามารถใช้เป็นช่องทางประกอบอาชีพของเกษตรกรรายย่อยได้โดยไม่ต้องแข่งขันกับสินค้าที่เป็นผลผลิตจากธุรกิจรายใหญ่ แล้วช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นจากการเลี้ยงไก่พื้นเมือง”

ข้อมูลจาก : technologychaoban